Tuesday, August 5, 2014

ยาเบญจอำมฤต สมุนไพรไทยต้านมะเร็ง

ตำหรับยาเบญจอำมฤต
ยาเบญจอำมฤตต้านมะเร็งตับ....
                กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยู่ระหว่างศึกษาวิจัยต่อยอดในการรักษาโรคมะเร็ง 4 ชนิด ได้แก่มะเร็งตับ ปอด เต้านม และปากมดลูก  โดยได้ทำการวิจัย เกี่ยวกับ“พืชสมุนไพรกับการรักษาโรคมะเร็ง” โดยได้นำสมุนไพรตามตำรับยาแผนโบราณใน “คัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์” ซึ่งเป็นคัมภีร์แพทย์แผนไทยมาตรฐานที่กองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุขรับรอง เพราะเป็นคัมภีร์แพทย์หลวงที่มีการชำระความถูกต้องตามพระบรมราชโองการของสม เด็จพระปิยมหาราช รัชการที่ ๕ ที่ทรงมีพระราชประสงค์จะให้คัมภีร์แพทย์ฉบับนี้เป็นตำราแพทย์ประจำบ้าน สำหรับสามัญชน ประชาชนทั่วไปได้ไว้ใช้ศึกษา เพื่อช่วยเหลือ ดูแลตัวเองและครอบครัวในยามเจ็บ ป่วย โดยมีตำรับยาสมุนไพรที่น่าสนใจ เพราะมีรายงานว่า สามารถใช้รักษาโรคมะเร็งตับซึ่งเป็นมะเร็งที่รักษาได้ยากที่สุดชนิดหนึ่ง จากสถิติผู้ป่วยมะเร็งตับที่ได้รับการรักษาให้มีชีวิตรอดยืนยาวนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นหากมีหนทางใดที่พอจะเยียวยาผู้ป่วยมะเร็งตับได้น่าจะเป็นผลดี
                 โดยทั่วไปคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะไม่อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาสมุนไพรขนานใดที่มีสรรพคุณรักษาโรคมะเร็ง ถึงจะมีการศึกษาวิจัยว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ก็ตาม แต่ในบัญชียาทดลองของกรม พัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ที่ใช้รักษาโรคมะเร็งตับ  ตำรับยาเบญจอำมฤต หรือยาเบญจามฤต ในพระคัมภีร์โรคนิทาน มีการกล่าวถึงโรคตับพิการ ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการ ที่เห็นได้จาก“หอบไออยู่เป็นนิจ บริโภคอาหารไม่ได้ จะหายใจก็ไม่ถึงท้องน้อย ลักษณะดังนี้คือปถวีธาตุโทษทั้ง 4 ประการ” ปถวีธาตุโทษในที่นี้ท่านอธิบายว่าเป็นฝีในตับ ทำให้ถ่ายเป็นโลหิตสดๆออกมา สำหรับการรักษานั้นตามพระคัมภีร์กล่าวว่า “โรคหมู่นี้หมอจะแก้เป็นอันยากนัก.....ท่านให้แก้ไปด้วยสรรพคุณยา ดูตามบุญเถิด ถ้าแพทย์ผู้ใดจะแก้ ให้แก้ที่ต้นเหตุ คือแก้ปถวีธาตุซึ่งแตกนั้นก่อน ท่านให้ทำยาชื่อว่า เบญจอำมฤต” จากถ้อยคำในพระคัมภีร์จะเห็นได้ว่า แม้ท่านจะมิได้เรียกโรคตับพิการดังกล่าวว่าโรคมะเร็งตับ แต่ก็พออนุมานได้ว่ามีลักษณะอาการใกล้เคียงกัน คือเข้าขั้นโคม่ารักษาหายยาก แต่ท่านก็ยังแนะนำยาที่ใช้แก้ธาตุดินแตก เพื่อรักษาตับให้สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้

ส่วนประกอบของยาพร้อมทั้งวิธีปรุงยาตำรับเบญจอำมฤตมีดังนี้
1) มหาหิงคุ์ 3.75 กรัม
2) ยาดำบริสุทธิ์ 3.75 กรัม
3) รงทอง 7.5 กรัม
4) มะกรูด 3 ลูก
              การที่ยาแผนโบราณตำรับนี้ได้รับความสนใจในวงการแพทย์และเภสัชแผนปัจจุบันก็ เพราะมีรายงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากรงทอง ซึ่งเป็นยางจากลำต้นของรงทอง (Gamboge Tree) มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งในตับ ยิ่งกว่านั้นดีปลีและพริกไทยก็มีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่น (Antioxidant) เสริมฤทธิ์กับรงทองในการรักษามะเร็งตับ แต่อย่างไรก็ตามการรักษาโรคตับพิการตามหลักแพทย์แผนไทยนั้น จะใช้แต่รงทอง ดีปลี พริกไทยไม่ได้ หากต้องใช้ให้ครบสูตรตำรับจึงจะได้ผลดี ตัวยาสมุนไพรในตำรับเบญจอำมฤตนี้หาได้ง่ายจึงสมควรที่แพทย์แผนไทยหรือญาติ ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจะจัดเตรียมปรุงไว้ใช้รักษาโรคตับพิการหรือโรคมะเร็ง ตับ ควบคู่กับวิธีการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน อันที่จริงตำรับยารักษาโรคตับพิการหรือยาล้อมตับในคัมภีร์แพทย์แผนไทยที่ใช้ ประกอบกับตำรับเบญจอำมฤตให้ได้ผลดี ยังมีอีกหลายขนาน ซึ่งสมควรที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ รวมทั้งนักวิจัยทางด้านแพทย์-เภสัชแผนปัจจุบัน จะนำไปทดลองขยายผลเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งตับให้ได้ผลต่อไป  โดย
อธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ เผยผลทดสอบยาตำรับเบญจอำมฤตย์ในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายได้ผลดี  หลังจากเปิดตัวตำรับเบญจอำมฤตย์ โดยทดลองให้บริการกับผู้ป่วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายที่โรงพยาบาลการแพทย์ ผสมผสานที่ยศเส จำนวน 50 คน เป็นผู้ชาย 35 คน ผู้หญิง 15 คน เพื่อติดตามผลการใช้ยาตำรับดังกล่าว พบว่า ตลอดระยะเวลา 20 วัน ผู้ป่วยมีการการดีขึ้น

          โดยผู้ป่วยมีอาการตาเหลือง ตัวเหลืองลดลง เวียนศีรษะลดลง คลื่นไส้อาเจียนลดลงเมื่อทานมาก อาเจียน เจ็บชายโครงขวาลดลง ท้องอืดหลังทานอาหารดีขึ้น นอนหลับพักผ่อนนานขึ้น ท้องบวมลดลง เรอ ผายลมได้ หายใจไม่ทั่วท้องดีขึ้น ส่วนอาการปวดหลัง ก้นกบ เมื่อยตามกระดูกก็ลดลง การขับถ่ายอุจจาระดีขึ้น แต่อาการท้องบวม อ่อนเพลีย ขาทั้งสองข้างบวมและชายังคงเดิม อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลยังต้องการอาสาสมัครที่เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายอีก 150 คน เข้าโครงการติดตามผลจากการใช้ยา

          ทั้งนี้ การกินยาตำรับเบญจอำมฤตย์นั้น หมอแพทย์แผนไทยจะจ่ายยาสมุนไพรเสริมตำรับตามอาการร่วมที่พบด้วย มิได้รักษาเฉพาะตำรับอย่างเดียว เช่น หากมีอาการวิงเวียนจะจ่ายยาขิง หรือยาหอมตามคัมภีร์ธาตุบรรจบ หากมีอาการบวมจะจ่ายยากลุ่มปรับสมดุลและขับปัสสาวะ หากมีอาการเพลียให้หยุดยา แต่ยังคงติดตามประสิทธิผลและความปลอดภัยในการใช้ยาเบญจอำมฤตย์ต่อเนื่องต่อไป






         

No comments:

Post a Comment